OKay Training | บทความ การพัฒนาตนเอง การเปลี่ยนแปลงตนเอง เปลี่ยนเป็นคนใหม่

เปลี่ยนอดีต เปลี่ยนตัวเอง

เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิม

มันคงจะดีถ้าเราสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ เปลี่ยนแปลงเรื่องร้าย ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรา เปลี่ยนมันให้กลายเป็นเรื่องที่ดี เปลี่ยนเรื่องราวที่อยากลืมให้กลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำมากขึ้น ถึงแม้เราไม่อาจเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แต่เราสามารถเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนความรู้สึกของเราที่มีต่อเหตุการณ์นั้นได้ การเปลี่ยนแปลงตัวเองเริ่มต้นที่การรู้ว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าเรามีตัวเลือก ถ้าเรารู้มากพอ รู้ว่าเราเปลี่ยนได้ นอกจากนั้นยังต้องยอมรับสิ่งใหม่ ๆ มีหลาย ๆ อย่างที่เราต้องละทิ้งไป เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เรียนรู้เพื่อที่จะรู้จักตัวตนของตัวเองมากขึ้น

ตัวตนของเรามีหลายเวอร์ชัน หรืออาจจะบอกว่าในหัวของเรามีหลายเสียง มีคนที่ตัดสินใจได้ดีในตอนกลางวัน มีคนที่ตัดสินใจได้ดีเมื่อท้องอิ่ม คนที่เรามองไม่เห็นนั้นต่างลงคะแนนเสียง เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะ เป็นคนที่จะพูดได้ว่านี่คือตัวตนของเรา เรามีตาที่สามารถมองเห็นได้จำกัด มีหูที่รับฟังได้จำกัด มีจมูกที่รับกลิ่นได้จำกัด ดังนั้นสมองจึงทำหน้าที่สร้างโลก โดยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป สร้างสรรค์ความเป็นจริงให้สมบูรณ์ ถึงแม้ว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่สมองช่วยให้เราใช้ชีวิตที่สุขกายสบายใจได้ สมองเราสั่งสมความทรงจำในอดีต เก็บรายละเอียดของเหตุการณ์ สิ่งที่เกิดขึ้นถูกเก็บไว้ในสมอง ถึงแม้ว่ามันอาจไม่ได้แม่นยำมากนัก และนอกจากนั้นยังถูกบีบอัด เพื่อให้เก็บข้อมูลได้มากขึ้น สมองเราเต็มไปด้วยข้อมูลแต่เป็นข้อมูลในอดีต มันทำให้เรารู้จักแค่อดีต แต่สมองเราจะพยายามทำนายอนาคตอยู่ตลอดเวลา สมองจำลองอนาคตและตัดสินใจจากข้อมูลที่เรามีในตอนนี้ ซึ่งข้อมูลในขณะนี้คือข้อมูลในอดีตที่เราเข้าถึงและใช้งานมันได้

ความทรงจำของเราทำงานต่างจากที่เราเคยคิด เมื่อไหร่ก็ตามที่เราใช้มัน มันจะถูกเปลี่ยนแปลง เวลาที่เรานึกถึงความทรงจำ ทุกครั้งที่นึกถึงความทรงจำนั้นจะเปลี่ยนไป เหมือนกับไฟล์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่จะถูกแก้ไขทุกครั้งที่เราเปิดดู เมื่อไหร่ที่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ทุกครั้งที่นึกถึงมันภาพความทรงจำนั้นจะเปลี่ยนแปลงไป ราวกับว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงอดีต เราไม่ได้เปลี่ยนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่เปลี่ยนประสบการณ์ที่เรารู้สึกกับเหตุการณ์ในอดีตได้โดยการนึกถึงมันอีกครั้ง ดังนั้นเรื่องแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น หากเราพยายามนึกถึงมัน พยายามมองในมุมใหม่ๆ เช่น เล่าให้เพื่อนฟัง เล่าเรื่องในมุมใหม่ ๆ รับฟังมุมมองจากเพื่อน ก็จะทำให้เรื่องราวนั้นเปลี่ยนแปลงไป เราไม่ได้ผูกติดอยู่กับประสบการณ์ในอดีต เรื่องร้าย ๆ ในอดีตนั้นสามารถทำให้เปลี่ยนไปได้ เราสามารถเปลี่ยนแปลงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นได้ นั่นเพราะว่าเรามีสมองที่จำลอง ปรับเปลี่ยนและสร้างเป็นข้อมูลชุดใหม่ได้ ทำให้เกิดเรื่องราวของชีวิตในรูปแบบใหม่ได้ เปลี่ยนเรื่องราวให้กลายเป็นชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้ ทำให้ตัวเองมีความสุขมากขึ้น ทำให้สิ่งแย่ๆ มันดูดีขึ้น โดยการมองในมุมใหม่ เล่าเรื่องราวในมุมใหม่ เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของตัวเรา เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ในสมองเรามีเสียงมากมายในหัว นอกจากนั้นเรายังไม่ได้เป็นเสียงที่สำคัญที่สุด ไม่ได้เป็นศูนย์กลาง เราในตอนนี้เป็นเพียงแค่หนึ่งในหลาย ๆ เสียงในหัวที่คิดว่าสำคัญที่สุด ที่คิดว่าคือคนที่ควบคุมทุกสิ่ง ตัดสินใจทุกอย่าง แต่ศูนย์กลางที่แท้จริงนั้นเป็นเสียงที่เงียบที่ไม่พูดกับเรา เราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลของเราเอง และเราก็ไม่ได้สำคัญที่สุด เราในตอนเช้าที่กำลังจะลุกจากที่นอนไม่ใช่คนเดียวกันกับเราในตอนบ่าย และเป็นคนละคนกับคนที่ตัดสนใจเลือกซื้อของกินในตอนเย็น บางครั้งเราไม่ได้ควบคุม ไม่ได้บงการ ไม่ได้รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของเรา แต่เป็นเพราะเสียงอื่นๆ ในหัว เสียงที่เงียบที่แอบตัดสินใจให้เรา หากเราเข้าใจว่าเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักวาลของตัวเอง ไม่ได้สำคัญที่สุด จะทำให้ตัวเรากลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุด ทำให้เราสนใจและอยากรู้จักตัวตนของเรามากขึ้น ทำให้อยากค้นหาตัวตนของตัวเองมากขึ้น ตัวตนที่ไม่ใช่แค่เราที่เสียงดัง

เรามีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงอดีต เมื่อไหร่ก็ตามที่เรานึกถึงเรื่องราวในอดีต ชีวิตในอดีตมันจะเปลี่ยนไปตามมุมมอง เปลี่ยนไปตามสิ่งที่เราเลือกที่จะสนใจ สิ่งที่เรามองว่าสำคัญ ธรรมชาติของจิตใจและความทรงจำนั้นมีความยืดหยุ่น มันช่วยให้เราจัดการกับเรื่องร้าย ๆ ในอดีตและใช้ประโยชน์จากมันแทนที่จะปล่อยให้อดีตฉุดรั้งเราไว้ ความทรงจำเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ ถ้าเรานึกถึงเหตุการณ์ในเวลา ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แม้กระทั่งในแต่ละอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ความทรงจำนั้นก็จะหลอมรวมกับข้อมูลใหม่ ๆ กลายเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ ได้ เรารู้แล้วว่าความทรงจำสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นเราสามารถเปลี่ยนเรื่องร้าย ๆ ในอดีตให้กลายเป็นเรื่องที่ดีขึ้นได้ และเมื่อเรื่องราวเปลี่ยนไป อารมณ์ความรู้สึกของเราก็จะเปลี่ยนไปเช่นกัน ถึงแม้เราจะยังจำเรื่องร้าย ๆ ในอดีตได้ไม่ลืม เหตุการณ์ที่แย่ๆ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แต่มันยังไม่สายไปที่จะเปลี่ยนมุมมองของเราใหม่ มองเหตุการณ์นั้นในมุมที่แตกต่างจากเดิม ที่มันมีประโยชน์ต่อตัวเอง เช่น นึกถึงเหตุการณ์ร้าย ๆ ในขณะที่ยังคงอารมณ์ที่ดีเอาไว้ จะทำให้ความทรงจำแย่ ๆ นั้นหมดความสำคัญลง และค่อย ๆ เลือนหายไปจากชีวิตเรา เล่าเหตุการณ์แย่ ๆ ให้เพื่อนฟัง การพูดคุยกันมันจะช่วยให้เราได้มุมมองใหม่ๆ มุมมองที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน เปลี่ยนบรรยากาศในตอนที่นึกถึงเหตุการณ์แย่ ๆ เช่น ไปทะเล เดินเล่นในสวน การปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลาย จะทำนึกย้อนถึงเหตุการณ์นั้นได้ในมุมมองใหม่ ๆ เปลี่ยนความรู้สึกแย่ ๆ เปลี่ยนพลังงานร้ายให้กลายเป็นเรื่องที่สร้างสรรค์ เช่น วาดรูป แต่งเพลง เกี่ยวกับเหตุการณ์ร้าย ๆ นั้น อยู่รอบ ๆ คนที่เราต้องการจะเป็น วิธีที่ดีที่จะทำให้เราเป็นคนที่เราต้องการจะเป็นได้ คือการอยู่รอบ ๆ คนที่เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เช่น ถ้าอยากเป็นคนที่ยิ้มเก่ง เป็นคนตลกเฮฮา ก็ต้องอยู่ใกล้ ๆ คนที่ชอบยิ้มและเฮฮา หรือถ้าหากต้องการทำให้การออกไปวิ่งเป็นเรื่องง่าย ๆ ก็พยายามอยู่ใกล้ ๆ กับคนที่ชอบไปวิ่งออกกำลังกายอยู่แล้ว ปล่อยให้สิ่งแวดล้อมมันเปลี่ยนแปลงเรา เมื่อเราอยู่ใกล้กับคนที่ต้องการจะเป็น สมองจะสื่อสารกันและปรับจูนเข้าหากัน ทำให้สมองมีความเหมือนกัน สมองของคนที่อยู่ในห้องเดียวกัน เมื่อมีการติดต่อสื่อสารกัน ก็จะทำให้สมองเริ่มคล้ายกันมากขึ้น การสื่อสารผ่านภาษาทำให้เปลี่ยนแปลงสมอง ทำให้เกิดแนวคิด ทำให้แชร์แนวคิด ทำให้เกิดความเชื่อ ทำให้เชื่อในสิ่งเดียวกัน ทำให้เปลี่ยนแปลงสมอง สุดท้ายทำให้เราเปลี่ยนแปลงกลายเป็นคนใหม่ได้ หรือถ้าหากต้องการสร้างแรงจูงใจให้มากขึ้น ก็ต้องอยู่ใกล้กับคนที่มีแรงจูงใจหรือสร้างแรงจูงใจเก่ง ถ้าไม่สามารถเจอหน้ากันได้ ก็ดูผ่านวิดีโออ่านเรื่องราวอ่านหนังสือของเค้า มันจะทำให้เรากลายเป็นคนที่มีแรงจูงใจมากขึ้นได้

ที่มา : nicetofit.com